วิธีไล่แมลงด้วย กาแฟและยาคูลท์ ไม่น่าเชื่อว่าใช้ได้จริง
Advertisements
Advertisements
วิธีไล่แมลงด้วย ” กาแฟและยาคูลท์ ” ไม่น่าเชื่อว่าใช้ได้จริง
เกษตรกรหลายคนคงประสบปัญหาแมลงรบกวนพืชผักที่เราปลูก แต่จะให้ใช้ยาฆ่าแมลงก็ทั้งเป็นพิษและมีต้นทุนที่สูง
วันนี้เรามีสูตรง่ายๆราคาประหยัดแต่ได้ผลดีมาบอกต่อ โดยเป็นภูมิปัญญาที่นำสิ่งใกล้ตัว รวมถึงค่าใช้จ่ายในเรื่องต้นทุนไม่สูงมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการเกษตร วันนี้เรามีสาระความรู้เกี่ยวกับกาแฟผสมนมเปรี้ยว ขับไล่แมลง มีวิธีการทำอย่างไร มาเริ่มกันเลย
ส่วนผสม
1. กาแฟไทย (เขาช่อง เพราะมีคาเฟอีนมาก) 2 ช้อนชา
2. นมเปรี้ยว (ยาคูลท์) 1 ขวดเล็ก
หมายเหตุ : อัตราส่วนนี้ใช้ผสมกับน้ำ 20 ลิตร
ขั้นตอนวิธีการทำ
– กาแฟไทย (เขาช่อง เพราะมีคาเฟอีนมาก) 2 ช้อนชา ละลายในน้ำร้อน 1 ใน 4 ของแก้ว
– คนให้ละลาย แล้วจึงผสมน้ำสะอาดที่เย็นให้ได้ครึ่งแก้ว แต่ถ้ายังไม่เย็นดีก็ตั้งทิ้งไว้ให้เย็น
– เทนมเปรี้ยว (ยาคูลท์) 1 ขวดเล็ก ลงไป คนให้เข้ากันก่อน จากนั้นเทลงถังพ่น (ถ้าเคยฉีดพ่นสารเคมีให้ล้างน้ำยาล้างจานให้สะอาด ประมาณ 2 ครั้ง)
– เติมน้ำสะอาดให้เต็ม คนให้เข้ากัน ฉีดพ่นผักให้ทั่ว แต่ควรฉีดพ่นหลัง 4 โมงเย็น เพื่อการเจริญเติบโตของจุลินทรีย์ และให้การดูดซึมของกาแฟดีขึ้น ต้นทุนประมาณ ถังพ่นละ (ขนาด 15-20 ลิตร) ประมาณ 10 บาท
ระยะเวลาการฉีดพ่น
– จำนวน 2 ครั้ง หลังปลูกผัก (ปลูกโดยใช้กล้าผัก) 10 วัน
– ฉีดอีกครั้งหลังครั้งแรก 15 วัน รวม 25 วัน ก็สามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว
จากประสบการณ์การใช้สูตรดังกล่าวที่ผ่านมา ต้นผักไม่มีการทำลายของหนอนและแมลงศัตรูผักอีกเลย
ประโยชน์
– ช่วยขับไล่แมลงในแปลงพืชผัก
– ช่วยให้ผักมีความกรอบ และรสชาติหวานยิ่งขึ้น
– ผักการเจริญเติบโตดี และกรอบ อร่อย เป็นที่ถูกใจของผู้บริโภค
ทำไมต้องนำกาแฟมาเป็นส่วนผสม ?
เพราะกาแฟที่มีกรดคลอโรเจนนิก คาเฟอีน ซึ่งเป็นอันตรายต่อแมลงที่พบบริเวณแปลงผักศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง การนำกาแฟมาไล่แมลงเป็นการใช้วัสดุที่หาได้ง่าย มีประสิทธิภาพ และไม่เป็นอันตรายต่อพืชและคน ดังนั้นโครงงานนี้จึงสำคัญอย่างยิ่งกับผลผลิตทางการเกษตรที่ดีและปลอดภัย จึงเลือกใช้กาแฟในการแก้ไขปัญหาแมลงรบกวนพืช
ที่มา : www.kasethotnews.com
Advertisements
Advertisements
บทความที่มีเนื้อหาเกี่ยวเนื่องกับสุขภาพทั้งหมด ทางเว็บไซต์ได้รวบรวมไว้เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจแก่ผู้อ่านเท่านั้น จึงไม่สามารถนำไปใช้นำไปอ้างอิงหรือใช้แทนการวินิจฉัยของแพทย์ได้ หากมีการนำข้อมูลในเว็บไซต์ไปใช้ ทางเว็บไซต์จะไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น จากการนําข้อมูลดังกล่าวไปใช้ ในทุกกรณี โดยไม่มีข้อยกเว้น ดังนั้นควรปรึกษากับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อขอคำอธิบายเพิ่มเติม และควรต้องทราบว่า ข้อมูลจากอินเตอร์เน็ตเป็นข้อมูลทั่วๆ ไป ไม่สามารถนำมาใช้ได้กับคนไข้ทุกๆคน
Advertisements
0 ความคิดเห็น